วันนี้จะขอพูดถึงภาชนะบรรจุสารทำความเย็นชนิด Disposable Cylinder หรือDisposable Can กันก่อนนะครับ คราวหน้าเราจะมาคุยกันถึุง Returnable Cylinder หรือReturnable Can กัน
ในปัจจุบันสารทำความเย็นที่เราใช้กันอย่างแพร่หลายอาทิ R22 หรือ R134a นั้น ความนิยมในการใช้ภาชนะบรรจุหรือถังน้ำยาชนิด "ใช้แล้วทิ้ง" เริ่มมีมากขึ้นในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง Blue Planet เป็นผู้จำหน่ายรายแรก ๆ ในระดับประเทศที่มีการจัดจำหน่ายถังประเภทนี้ หรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Disposable Cylinder
ถังบรรจุสาร R134a และ R22 นั้นจะใช้ถังขนาด 30 ปอนด์เป็นส่วนใหญ่ (13.6กิโลกรัม) ซึ่งถังที่ว่านี้จะมีความหนา 1.0 มิลลิเมตรและมีน้ำหนักถังโดยเฉลี่ย 2.5กิโลกรัมรวมหัววาล์วหางปลา เมื่อสารทำความเย็นยุคใหม่อย่าง R410a และ R32 มาถึงสิ่งที่หลายคนยังไม่ทราบและอาจยังไม่ได้เรียนรู้เพิ่มเติมก็คือ
1.ถังที่นำมาใช้บรรจุสารรุ่นใหม่นี้ต้องมีความหนาเพิ่มขึ้น 50% เคยใช้ถังมีความหนา1.0 มม.ก็กลายเป็น 1.5 มม.
2.น้ำหนักถังก็จะมากขึ้นส่งผลให้ Gross Weight มากขึ้นไม่ได้แปลว่าเขาให้น้ำยาคุณ มากขึ้นนะครับ โดยเฉลี่ยน้ำหนักถังเพิ่มขึ้นอีก 1 กิโลกรัมกลายเป็น 3.5 กิโลกรัมเพราะ มวลของเหล็กไม่รวมน้ำหนักกล่อง
3.น้ำยาที่บรรจุต้องบรรจุน้อยลงคำนวณตามแรงดันไอและชนิดของสารทำความเย็นรุ่น ใหม่
R410a สามารถบรรจุได้เต็มที่คือ 11.3 กิโลกรัมแทนที่จะเป็น 13.6 กิโลกรัม (หมายถึงถังขนาด 13.6 กิโลกรัมที่เราใช้กันอยู่แต่จะบรรจุ R410a ได้เพียง 11.3 กิโลกรัมเท่านั้น)
R32 สามารถบรรจุได้เต็มที่คือ 5.5 กิโลกรัมแทนที่จะเป็น 13.6 กิโลกรัม (หมายถึงถังขนาด 13.6 กิโลกรัมที่เราใช้กันอยู่แต่จะบรรจุ R32 ได้เพียง 5.5 กิโลกรัมเท่านั้น)
R410a บรรจุได้น้อยกว่า R22 ภายใต้ปริมาตรเดียวกันแล้วยังต้องเพิ่มความหนาของภาชนะเหล็กก็เพราะมันมีแรงดันไอที่ ambient มากกว่ากันถึง 100 psig อัตราการขยายตัวก็สูงกว่าจึงต้องบรรจุน้อยกว่า R32 นั้นแรงดันยิ่งมากกว่า R410a และยังอยู่ในกลุ่มA2 คือสามารถติดไฟได้ง่ายกว่า. R32 นั้นอยู่ตรงกลางระหว่างไฮโดรคาร์บอนกับไฮโดรฟลูออโรคาร์บอนชนิดไม่ติดไฟ (ลูกครึ่ง) ก็ต้องใช้วิธีการบรรจุสารทำความเย็นด้วยน้ำหนักที่น้อยกว่าภายใต้ปริมาตรเดียวกันกับสาร Non Flammable ประมาณกึ่งหนึ่งคือราว 5.62 กิโลกรัมหรือไม่เกิน 6.0 กิโลกรัม (สารไฮโดรคาร์บอนก็ใช้วิธีคิดคำนวณคล้าย ๆ กัน) ส่วนการที่เราคำนวณให้เป็น 5.5 กิโลกรัมเพราะ ambient temp แถว ๆ บ้านเรานี้มันดุเดือดบางทีมันก็ขึ้นไปแตะหรือเลยเลข 40 องศาเซลเซียส เราต้องการความปลอดภัยที่มากกว่าเลยลดระดับการบรรจุลงเล็กน้อย ส่วนการถ่ายบรรจุน้ำยานั้นต้องใช้ตาชั่งที่ได้มาตรฐานทุกครั้งเท่านั้น
เรื่องต่อมาที่คุณต้องใช้ความระมัดระวังมาก ๆ ก็คือ
1.ห้ามนำภาชนะบรรจุ R22 มาแบ่งเติมน้ำยา R410a หรือ R32 โดยเด็ดขาด
2.ห้ามใช้วิชา "เดา" ว่าขณะนี้น้ำยาเข้าไปในถังแล้วปริมาณเท่าใดแทนการ "ชั่ง ตวง วัด" โดยเด็ดขาด
3.ถ้าคุณจะถ่ายน้ำยา R410a หรือ R32 ให้อ่านตัวหนังสือสีแดงข้างบนทุกบรรทัดโดย ละเอียด
4.ห้ามวางถังน้ำยา R410a และ R32 ไว้หลังรถที่ไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศไว้เป็นเวลา นาน ๆ หลายชั่วโมงเด็ดขาด
5.ถัง "เก่า ๆ" ให้ชั่งกิโลขายเพราะ Safety Relief Value จะไม่ทำงานเพราะมันจะเสื่อม ถอยตามเวลาหากขาดการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ และหากมีการขยายตัวของน้ำยา อันเนื่องมาจากความร้อนหรือแรงดันใด ๆ เชื่อเถอะครับว่ามันจะหาทางออกมาข้างนอก ให้ได้นั่นคือแม้ถังจะหนาถึง 2.2 มิลลิเมตรก็ไม่ได้ช่วยชะลอการ "ระเบิด" ของมันได้ เลย
6.นอกจากห้ามวางถังน้ำยาไว้ในที่มีอุณหภูมิสูงหรือมีเปลวไฟแล้วยังห้ามวางไว้ใกล้กับวัตถุที่ติดไฟง่ายอีกด้วยเพราะหากมีการระเบิดเกิดขึ้นทฤษฎีโดมิโนก็จะดำเนินต่อไป
7.กลับไปอ่านข้อ 1 อีกครั้งและหลาย ๆ ครั้ง
8.ร้านอะไหล่แอร์ควรให้ความระมัดระวังมาก ๆ ด้วยและถ้าเห็นภาชนะมีลักษณะผิดปกติหรือไม่น่าจะปลอดภัยแนะนำลูกค้าให้ใช้ถังใหม่เลยครับ ร้านอะไหล่แอร์บางร้านผมพบว่าส่วนใหญ่จะมีสุภาพสตรีเป็นผู้
แบ่งขายน้ำยาด้วยเช่นกัน หากขาดความระมัดระวังอาจมีอันตรายได้
9.หากน้ำยารั่วอย่างรุนแรงหรือสายน้ำยามีการสะบัดให้ออกห่างจากพื้นที่นั้นทันที "อย่า" เสียดายน้ำยาที่รั่วออกมา "แล้ว" พยายามเข้าไปปิดวาล์วโดยเด็ดขาดเพราะท่านอาจ ถูกสายน้ำยาฟาดเข้าที่ใบหน้าหรือลำตัวและถ้าเป็นโชคสองชั้นคือน้ำยาฉีดเข้านัยน์ตา หรือผิวหนังด้วยจะเป็นเรื่องใหญ่เรียกว่า "ฟรอสไบท์" หรือ "ความเย็นกัดกร่อน"
10.ผู้บาดเจ็บ 8 ใน 10 คนบาดเจ็บเพราะเสียดายน้ำยาเมื่อมีการรั่วและพยายามปิดวาล์ว ที่ภาชนะเสมอ หากท่านมีสติเพียงพอและต้องการจะปิดวาล์วจริง ๆ ก็คือ ภาชนะต้องรั่ว ไม่มากพอควบคุมได้และท่านต้องใช้ผ้าหรือถุงมืออย่างหนาพันแขนขาและใบหน้าให้ดี ก่อนปฏิบัติการทุกครั้ง
เปิดร้าน | 28 มิ.ย. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 8 ก.ค. 2568 |